[CR] เที่ยวโอซาก้า เกียวโต วิธีการใช้รถไฟญี่ปุ่น!!!


หายจากการรีวิวไปนานมาก จากกระทู้ครั้งที่แล้วที่ไปชุ่มฉ่ำที่สังขละมา ก็สัญญากันว่าทริปฮ่องกง มาเก๊า จะมาเล่าให้ฟัง แต่ด้วยความหลายสิ่งของตัวเอง ก็ไม่ได้เขียนลงจนได้ แต่ตอนนี้ที่คิดจะมาเขียนลงอีกเพราะ อยากแชร์วิธีการเดินทางในญี่ปุ่นที่หลายคนบ่นว่ายาก นี่ไปเที่ยวญี่ปุ่นมาเมื่อ พ.ค. ปี 2016 โอ้ย คือ นานมากละมะ กว่าจะมารีวิว 55555555 แต่รับรองว่าเรื่องวิธีการนั่งรถไฟในญี่ปุ่นยังคงเป็นที่ต้องการของนักเที่ยวไทยอย่างแน่นอน เพราะมีคนบอกว่ารถไฟในญี่ปุ่น โอ้ยยยยยยยยยยยย พาดกันไปมา ยุบยับ ยังกับใยแมงมุง อาจจะทำให้เรามึนงงกันไปได้ ก่อนไป เราก็หาข้อมูลไปก่อนค่อนข้างเยอะ(ไม่เหมือนทริปฮ่องกงมาเก๊า ที่ไปตายเอาดาบหน้า เที่ยวไปเสริชไป 55555 ส่วนทริปถัดมาไปพม่าก็ไปแบบโง่ๆ เพื่อนลากไปไหนก็ไป ให้นางเป็นไกด์) แต่ทริปญี่ปุ่นนี้ไปกับเพื่อน 2 คน แล้วมีแต่คนบอกว่ารถไฟญี่ปุ่น งงหนักมาก เห็นแล้วเครื่องหมายคำถามขึ้นบนหน้า ขึ้นเยอะพอๆกับขนหน้าแข้งเราเลยหล่ะ เลยเอาวะ ลอง fight ดูสักตั้ง จะยากสักแค่ไหน!!!! ซึ่งทริปนี้เรานั่งทั้ง JR ทั้ง Subway และรถเมล์ค่ะ


เราไปเจอ App สำหรับใช้เดินทางโดยรถไฟในญี่ปุ่น แบบอยากบอกว่า  มันง่ายค่ะ อำนวยความสะดวกแบบสุดพลัง ชื่อ App >> City Rail Map และ Japan Travel ค่ะ ทำให้การเดินทางโดยรถไฟในญี่ปุ่นง่ายขึ้นมาก เราเอาตัวอย่างมาให้ดูด้วย
App : City Rail Map
อย่างอันนี้ เราจะไป USJ เราก็ set จะสถานที่ใกล้ที่พักเราที่สุด ได้เลย

..................................................
อย่างอันนี้ คือ ภาพตัวอย่างที่เวลาเราใส่ route แล้ว แล้วอยากรู้ว่าต้องต่อที่สถานีไหนบ้าง สายที่นั่งเป็น JR สีอะไร มันก็จะบอกเป็นแบบนี้
.................................................
App : Japan Travel
แอพนี้ก็มีตัวอย่างค่ะ มีบอกเวลาว่ากี่นาทีถึงที่หมาย บอกราคา บอกว่าอันไหนเป็นรถไฟ JR หรือ Subway เพราะบางสถานที่ๆเราจะไป ก็ขึ้น JR ต่อ Subway ไรงี้

คือนางดีทั้งคู่ แล้วแต่จะใช้เลยค่ะ วิธีการคือ เลือกจุดที่เราอยู่ และเลือกจุดหมายปลายทางที่เราจะไป แค่นั้นนางจะ set เส้นทางให้เราเลย
App : City Rail Map จะดูง่าย เข้าใจง่าย ง่ายมาก (ถ้าอยู่แต่ใน Osaka แนะนำให้ใช้แต่อันนี้อันเดียวไปเลย)
App : Japan Travel เข้าใจง่ายน้อยกว่าอันแรกนิดนึง นิดเดียวจริงๆ แต่ข้อดีของนางคือ มีการเดินทางหลายแบบให้เลือกนะจ๊ะ ยูจะไปแบบแทกซี่มะล่ะ หรือยูจะรถไฟต่อรถเมล์ ถ้าเป็นรถไฟ app นี้จะบอกว่าขบวนต่อไปจะมาในเวลากี่โมง คือเราสามารถเช็คได้ว่า อีกกี่นาทีจะมา จะไปฉี่ ไปต่อนยอนแอ๊วผู้ไปก่อนก็ได้ เพราะรถไฟมาตรงเวลาตามที่ app บอกเป๊ะเลย (อันนี้เราใช้ตอนไปเที่ยวเกียวโต ออกนอกเมือง)
..................................................
อย่างอันนี้ App ก็จะบอกว่าเราต้องไปเปลี่ยนที่ Tennoji เพื่อต่อรถไฟไปสถานีปลายทาง เพื่อจะไปปราสาทโอซาก้า

แต่ถ้าใครไม่ชินก็ลองโหลดมาใช้ก่อนไปเที่ยวก็ได้นะคะ ไม่ยากๆ เล่น ใช้ แล้วจะสนุก


...............................................
ตัวอย่างนะคะ จากการที่ จะนั่งรถไฟจากที่พักไป USJ

- ช่วง แนะนำ การเลือก route  >>>>> เราพักที่ โรงแรมใกล้สถานี 'Tsurugaoka' (สายส้ม) เป็นสาย JR Hanwa ซึ่งสถานีนี้เป็นรถไฟประเภท JR ซึ่งวันที่เราจะไป Universal Japan เราก็ขึ้น JR สถานี 'Tsurugaoka' ไปลงที่สถานี 'Universal City' โดยไป transit ที่สถานี 'Tenoji' (สายสีแดง) งง มั้ย TT พยายามจะมาทำให้เข้าใจ ไม่รู้คนอ่านจะยิ่งมั้ยเนี่ย T^T ซึ่งตอนเราไปเส้นทางนี้ เราใช้ App : City Rail Map
- เวลาต้อง transit  >>>>> เปลี่ยนสายรถไฟ หลายคนจะงงตรงนี้ 55555555555555 นี่ก็งงมาแล้ว แต่ใช้ถามเอา กับดูเอา หูตาต้องไว ไหวพริบพริบพริบพริบพริบพริบพริบ ต้องมา ต้องพริบเยอะมาก ปล่อยเบลอไม่ค่อยได้ ไม่งั้นเดี๋ยวหลง 55555555 ซึ่งเวลาเปลี่ยนสถานี ที่ญี่ปุ่นเขาจะมีป้ายบอกอยู่แล้ว คล้ายๆไทย เป็น ปอหอ ปัญหาคือ...... มันเยอะมากกกกกก พัลวัน ยุบยับ แต่ทำไมคะ เราไม่กลัวค่ะ เพราะเรามีความที่ชื่อว่าไหวพริบ (เชื่อว่าตัวเองมีไว้ก่อน มั่นหน้ามั่นจิต) และเราก็มี "City Rail Map" ที่บอกเราอยู่แล้วว่า ยูววววววว ถ้ายูจะไปต่อ ต้องนั่งสายสีแดง เราก็ดูป้ายชื่อที่มีเขียนว่า 'Nishikujo' ญี่ปุ่นจะขึ้นชื่อ พร้อมสีแดงให้เลย ก็จะสังเกตง่าย เดินตามไปแล้วขึ้นเลยค่ะ ดูตัวอย่างด้านล่างนะคะ


- เวลาถึงที่หมาย >>>>> อันนี้ก็ต้องดูเอาเองละนะ ว่าออกทางออกไหน ถ้าไม่แน่ใจก็ถามเจ้าหน้าที่เขา บางสถานีพูดอังกฤษไม่ได้ ก็เอาชื่อสถานีให้เขาดูเลย  
......................................
มาเล่าถึงการท่องเที่ยวคร่าวๆ พร้อมโชว์รูปไปด้วย อิอิ ออกตัวก่อนว่า ทริปนี้รูปไม่สวยค่ะ แบตหมดบ้าง ลืมถ่ายบ้าง มีสวยน้อยมากกกกก
**โปรแกรมการท่องเที่ยว
วันแรก....
1.จากสนามบินคันไซ ไปที่พัก กินข้าวแถวที่พัก
2.แล้วไปเที่ยวปราสาทโอซาก้า ค่าเข้า 600 เยน (ถ้ามี 2Days Pass ก็จะลงราคาไปอีก แต่เราคำนวณว่า เราคงไม่คุ้มเพราะไม่ได้อยู่แค่ในโอซาก้า มีไปเกียวโตด้วยเลยไม่ซื้อ ถ้าใครอยู่ในโอซาก้าหลายวัน แนะนำให้ซื้อนะ เพราะมันมีส่วนลดค่าเข้านั่นนี่หลายที่อยู่)





3.ไปหาข้าวกินที่ Numba ดูของ ช้อปปิ้ง

วันที่ 2...
1.ไป USJ เลยจ้า ทั้งวัน โอ้ยมีเครื่องเล่นใหม่มา สนุกมาก แล้วก็เตือนคนที่ชอบ Theme Park นะคะ ถ้าจะไปให้ซื้อ Fast Track ไปเลย แพงกว่าแต่คุ้มแน่นอน ตั๋วอยู่ที่ 2500 – 2800 บาท ถ้าจำไม่ผิดนะคะ แต่ถ้าเพิ่ม Fast Track จะอยู่ที่ 3500 – 3700 บาท ราคาแต่ละวันไม่เท่ากันอีก เราซื้อตั๋วจากไทยไปเลย เพราะไม่อยากต่อแถวหน้า แนะนำให้ไปแต่เช้านะคะ เพราะคนเยอะมาก และควรซื้อตั๋วจากที่ไทยไปเลย ขนาดเราไปเล่นวันศุกร์คนยังเยอะเลย เรามุ่งไปที่โซน Harry ก่อนเลย ชอบมากสนุก ไม่ใช่เครื่องเล่นที่เสียวมากเท่าไหร่นัก แต่ชอบตรงที่เป็น 3D แล้วมันเล่นนานดี เพราะปกติเครื่องเล่นตาม Theme Park จะสั้นๆ แป๊บๆจบอ่ะ และวันนั้นเครื่องเล่นเสียด้วย ก็คือ Flying with Dinosaur เป็นเครื่องเล่นใหม่ เป็นการเล่นเครื่องเล่น Roller Coaster ที่ต้องก้มหน้า ให้ฟีลเหมือนเราเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ที่บินได้ 5555555 สนุกอ่ะ ชอบ คุ้มค่ากับการรอคอยที่รอ หลายชั่วโมง เล่นจน park ปิดอ่ะ จนมืด แล้วกลับ





วันที่ 3...

1.นั่งรถไฟข้ามเมืองไปเกียวโต ไปวัด 3 วัด วัดแรก วัดเสาแดง Fushimi (นั่ง JR ไปลงสถานีติดกับวัดเลย เดินทางสะดวกมาก) วัดนี้ต้องไปเช้าเพราะเดี๋ยวคนเยอะ จะไม่ได้รูปคู่กับเสาร์แดงนะ


2. ต่อด้วยวัดทอง หรือวัดอิคคิวซัง โดยการนั่งรถเมล์ไป (นั่ง JR มาลงสถานีที่มี Hub ของรถเมล์ ซื้อตั๋วแบบ Kyoto City Bus One Day Pass ราคาจำที่แน่ชัดไม่ได้นะคะ แต่โดยประมาณก็ 500-600 เยนนี่แหละ บัตรนี้มาซื้อที่นี่เลย Bus Ticket Center ตอนซื้อเอาแผนที่มาด้วยนะคะ ดูไม่ยากเท่าไหร่ ว่าวัดไหนอยู่ตรงไหน จะไปตรงไหนก่อนเพื่อไม่ให้เสียเวลา ส่วนสายรถเมล์ เราดูจากรีวิวไทยไปก่อน ไปวัดทอง มันนั่งได้หลายสายนะคะ เราขึ้นที่ Bus Stop B3 แต่จำไม่ได้ว่ารถเมล์สายอะไร แต่พอตอนลง มันต้องเดินต่อไปอีกหน่อยก็เข้าวัด ละก็มีร้านไอศกรีมชาเขียวข้างหน้า ไม่รีรอค่ะ แพ้ทางค่ะ กินค่ะ วัดทองนัดเจอกับเพื่อนของเพื่อนที่เป็นคนญี่ปุ่น นางก็มาเที่ยวด้วย เสร็จแล้วพาไปเลี้ยงข้าวด้วย ร้านนี้คืออร่อย ไม่ไกลจากวัดมากนัก แต่ตอนนั้นพอเพื่อนบอกชื่อก็ลองเสริชเลยนะว่ามีคนไทยมากินมั้ย อร่อยป่าว แต่ไม่มีคนไทยรีวิวเลย จะบอกว่าอร่อยมากนะ อยู่ในซอย หน้าร้านเป็นไม้ๆ ร้านเล็กๆ จำชื่อร้านไม่ได้ T^T







  
3. วัดที่สามของวันนี้คือ วัดน้ำใส หรือวัดคิโยมิสึ ตอนที่ไปเขากำลังปรับปรุงอยู่ ถ้ามาตอนฤดูใบไม้ผลิ คงสวยน่าดู ทั้งวัดคงเป็นสีส้มสีแดงไปหมด




4.วันนี้สถานที่ที่ 4 คือ Gion Town อยู่แถวๆแม่น้ำ เขาบอกว่าจะมีโชว์ของเกอิชา การไปคือต้องนั่งรถเมล์มาลงปากซอย แล้วเดินไป ไกลอยู่กว่าจะถึง 55555555 แต่ด้วยความที่อยากเห็น พอไปเจอตอนโพลเพล้ สวยนะ บรรยากาศดีมาก แต่ถ้าจะกินข้าวร้านอาหารริมคลอง แม่น้ำ แถวนั้นคือแพงมาก ตอนขากลับ เรากลับโดย subway เพราะมันมีตรงกลางซอยใหญ่ๆนั่นเลย ถ้าให้เดินขึ้นรถเมล์ไปต่อ JR อีก เห็นทีจะไม่ไหว เพราะไกลค่ะ เหนื่อยแล้ว 555555







5.ไปกินข้าวที่ Numba ละช้อปปิ้งด้วย ว่าจะไปกินราเมนข้อสอบ แต่คนเยอะมาก เลยไวเพรุ่งนี้ละกัน เลยไปกินซูชิกัน


วันที่ 4....
1.นั่งรถไฟไปตึก อูเมดะ Umeda นั่งรถไฟไปลงที่ตึกที่ขายของ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอางของญี่ปุ่นเยอะๆเลยอ่ะ เพื่อนทำพานาโซนิคไง นางมาดูสินค้าด้วย
2.เดินไป Umeda ไกลอยู่ค่ะ อันนี้ งงเล็กน้อย เพราะไกล และซักซ้อน เพราะออกจากตึกนั้นแล้ว เลี้ยวซ้ายเดินตรงมาเรื่อยๆ เลี้ยวขวา สักพักลงอุโมงค์ เดินต่อไปอีก พักเหนื่อยที่ร้านกาแฟ แล้วก็ไปตึก ซึ่งถ้ามีโอกาสอยากกลับไปอีกครั้งละไปจิบไวน์ตอนกลางคืน วิวคงดีอ่ะ แต่นี่เราไปตอนกลางวัน

3.กลับไป Numba ไปกินราเมนข้อสอบ

4.นั่งรถไฟไป airport

การเที่ยวเอง ลำบากกว่าทัวร์แน่นอนค่ะ ถ้าไม่ชอบเดิน ก็ซื้อทัวร์ สบายกว่าเยอะเลยค่ะ โรงแรม การเดินทาง แต่ทัวร์ก็จะพาไปแต่แลนมาร์ค แต่บางทีเราอยากไปในที่ๆคนยังไปกันน้อยๆอยุ่หรืออะไรแบบนี้ เวลาเราไปประเทศอื่นก็ทัวร์นะคะ แต่หลังๆเที่ยวเองก็สนุกดี ตื่นกี่โมงก็ได้ โปรแกรมปรับเปลี่ยนได้ ไปเองบางทีแพงพอๆกับทัวร์เลย 555555 แต่ได้หลงด้วยอ่ะ เก๋ตรงนี้
ถ้าไปทริปหน้าถ้ามีโอกาสและมีเวลาจะมาเล่าผ่านกระทู้อีกนะคะ
ชื่อสินค้า:   โอซาก้า เกียวโต
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่